พัฒนาการเด็ก



เด็กที่เกิดมาทุกคนมีความพร้อมไม่เท่ากัน
หลายคนเกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์พูนสุข
แต่มีอีกหลายคนที่เกิดมาแบบเหมือนฟ้าไม่ตั้งใจ ขาด ๆ เกิน ๆ
กว่าจะมีพัฒนาการแต่ละขั้นตอนช่างยากเย็นแสนเข็ญ
ฉะนั้น การกระตุ้นพัฒนาการ จึงจำเป็นสำหรับเขาเหล่านั้น
ผมได้รวบรวมบทความเกี่ยวกับการกระตุ้นพัฒนาการเด็กมาไว้แล้ว 



แพทย์-นักโภชนากร
ชี้ นมแม่เสริมไอคิว-อีคิวให้ลูกน้อย

     พญ.ธนีนาถ ตรีรัตน์วีรพงษ์ แพทย์ประจำโรงพยาบาลตากสิน และ

     ดร.บุญศรี กิตติโชติพานิชย์  นักโภชนาการ วิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์
เผยประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่พร้อมแนะเทคนิคเลี้ยงลูกแบบคุณแม่ยุคใหม่ เพื่อความสมบูรณ์ของลูกน้อย ในงาน "สายใยรักแห่งครอบครัว" โครงการในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมาร ที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์

     พญ.ธนีนาถ กล่าวว่า นมแม่ ถือเป็นสุดยอดอาหารสมองจากอกแม่เด็กควรได้รับนมแม่ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอด และกินนมแม่อย่างเดียวจนถึงช่วง6 เดือน ซึ่งสารอาหารในนมแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่างเหมาะสมตามอายุลูกและมีส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์สมอง กระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้อสมองช่วยให้ลูกฉลาด และแข็งแรง

"ไขมันในนมแม่ จะไปห่อหุ้มเส้นใยประสาทในสมองลูก กระตุ้นการทำงานของสมองให้สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนโปรตีนในนมแม่ก็จะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคภูมิแพ้ มีสารต้านการอักเสบลดโอกาสการติดเชื้อ และไม่สบายของลูก ทำให้ลูกไม่ต้องเสียโอกาสของการพัฒนาความสามารถไปกับความเจ็บป่วย ซึ่งสารอาหารดังกล่าวทั้งหมด ไม่สามารถจะทดแทนได้ด้วยนมผสม"


     ดร.บุญศรี กล่าวเสริมว่า คุณแม่ควรให้ความสำคัญกับโภชนาการตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์เพื่อให้น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่ควรรับประทานมากเกินไปเพราะเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูงและอ้วนในช่วงหลังคลอด

"เมื่อตั้งครรภ์ คุณแม่ต้องการอาหาร 1,500 - 1,600 กิโลแคลลอรี่ต่อวันเริ่มจากช่วง 1 -3 เดือน อาหารแต่ละมื้อของคุณแม่ ประกอบด้วย ข้าว 2 ทัพพี เนื้อสัตว์ 2 ช้อนโต๊ะ ผัก 2 ทัพพี ไขมันไม่เกิน 3 ช้อนชา เพราะช่วง 3 เดือนแรก ทารกอยู่ในช่วงการแบ่งเซลล์ยังไม่ต้องการสารอาหารในการเติบโตจากนั้นช่วง4 -6 เดือน ทารกกำลังสร้างอวัยวะของร่างกาย คุณแม่จึงต้องเพิ่มโปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็น 3 ช้อนโต๊ะเพิ่มไข่วันละฟอง ทานผลไม้ 1 จากเล็ก จนถึงช่วง 7 -9 เดือน เป็นช่วงที่ทารกกำลังเติบโต อาหารที่คุณแม่ควรทานเพิ่มขึ้นคือ นมชนิดจืดปริมาณ 250 มิลลิลิตร ในมื้อเช้าและมื้อเย็นพอหลังคลอดคุณแม่สามารถเพิ่มปริมาณอาหารได้อีกอย่างละ 1 เท่าครึ่ง และที่สำคัญคุณแม่ควรดื่มน้ำสะอาดให้ได้ไม่ต่ำกว่า 3 ลิตรต่อวัน เพราะปริมาณน้ำจะมีผลต่อปริมาณการผลิตน้ำนมด้วย" นอกจากนั้นการได้รับโภชนาการที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณแม่มีน้ำนมที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำหรับลูกและไม่ต้องกังวลใจกับความอ้วน เพราะไขมันที่เหลืออีก 4 - 5 กิโลกรัมหลังการคลอดจะถูกนำไปสร้างเป็นน้ำนมจนหมด เพื่อให้เพียงพอสำหรับทารกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือนน้ำหนักคุณแม่จะลดลงเองตามธรรมชาติหลังจากให้นมลูกมาแล้ว 6 เดือน โดยไม่จำเป็นต้องลดปริมาณอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก แต่หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่จะทำให้แม่อ้วนเท่านั้น ทางด้านIQ-EQ 



     พญ.ธนีนาถ กล่าวต่อว่าแม่และลูกมีสายใยผูกพันที่เชื่อมโยงถึงกันได้ คุณแม่สามารถสร้างพัฒนาการให้กับลูกได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์โดยเริ่มจากการดูแลตัวเองทั้งอาหารกาย ได้แก่รับประทานสิ่งที่เป็นประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม

"ส่วนอาหารใจนั้น จะเป็นเรื่องของสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบ ไม่เครียด ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของลูก ทำให้ลูกเรียนรู้ที่จะสงบ อ่อนโยน ไม่วู่วาม ขณะเดียวกันระหว่างที่ คุณแม่สงบมีสมาธิร่างกายจะผลิต Growth Hormone ไปส่งเสริมพัฒนาการทางด้านIQ ทำให้ลูกเกิดมาเป็นเด็กฉลาด นอกจากนี้ในขณะที่ลูกกำลังดูดนมจากอกแม่ ฮอร์โมนอ็อกซิโตซิน (Oxytocin) ในร่างกายของแม่จะเพิ่มระดับขึ้นทำให้เกิดสัญชาตญาณความเป็นแม่ผู้มีจิตใจอ่อนโยน เปี่ยมด้วยความรักและเมตตา รู้สึกสงบ เป็นสุข เปี่ยมด้วยความรักที่แม่มีต่อลูก ซึ่งเด็กจะรู้ได้ถึงความรู้สึกอ่อนโยนนั้น ทำให้เด็กอารมณ์ดี และ เป็นสุขไปด้วย"
นมแม่มีคุณประโยชน์ต่อลูกน้อยขนาดนี้...คุณแม่มือใหม่มาให้นมลูกจากอกแม่กันเถอะ!!!
ข้อมูลข่าวโดยหนังสือพิมพ์แนวหน้าออนไลน์ฉบับวันที่6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550